"ไขทุกข้อสงสัย น้ำมันเครื่องคืออะไร และสำคัญอย่างไรต่อรถของคุณ"
น้ำมันเครื่องมีค่ากำหนดที่แตกต่างกันไป เช่น 10W-40, 5W-30, 5W-40, 5W-50, 10w-30, 15W-30 เป็นต้น ซึ่งสูตรและค่าต่างๆที่กำหนดมานั้นมีความหมายอย่างไร? ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่าน้ำมันทุกชนิดจะมีความหนืดโดยธรรมชาติ ความหนืดนี้จะเปลี่ยนแปลงไปตามอุณหภูมิ เช่น เมื่อได้รับความร้อนน้ำมันจะใส และ เมื่อได้รับความเย็นน้ำมันจะข้น ความหนืดของน้ำมันจะมีหน่วยวัดเป็น “เซนติสโตรก” โดยหลักการวัดค่าความหนืดนั้น ถ้าพูดกันอย่างง่ายๆ จะนำน้ำมันปริมาณ 60 cc. มาทำให้ร้อนที่ 100°C แล้วบรรจุใส่ในหลอดแก้วที่มีรูขนาดเล็กทางด้านปลายหลอด ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 มม. เพื่อปล่อยให้น้ำมันไหลแล้วจับเวลาว่าปริมาณน้ำมัน 60 cc. นั้นจะไหลหมดภายในกี่วินาที จากนั้นจึงนำไปคำนวณเพื่อหาค่าออกมาเป็นเซนติสโตรกแล้วเทียบว่าเป็นน้ำมันเบอร์ความหนืด SAE อะไร
SAE ย่อมาจาก The Soceity of Automotive Engineer ซึ่งเป็นสมาคมวิศวกรรมยานยนต์แห่งประเทศสหรัฐอเมริกาโดยที่ SAE จะเป็นผู้กำหนดเบอร์ความหนืดของน้ำมันเครื่อง โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ น้ำมันเครื่องที่ใช้ในฤดูหนาวและน้ำมันเครื่องที่ใช้ในฤดูร้อน โดยที่เบอร์ความหนืดของน้ำมันเครื่องในกลุ่มฤดูหนาว จะมีตัว W ซึ่งย่อมาจาก Winter ต่อท้าย เบอร์ความหนืดในกลุ่มนี้ ได้แก่ 0W, 5W, 10W, 15W, 20W, 25W และวัดค่าความหนืดที่อุณหภูมิ -30°C ถึง - 5°C เบอร์ที่น้อยจะใสและเบอร์ที่มากกว่าข้นกว่า
ส่วนใหญ่ความหนืดสำหรับน้ำมันในกลุ่มฤดูร้อนได้แก่ SAE 20, 30, 40, 50, 60 โดยวัดค่าความหนืดที่ 100°C เช่นเดียวกัน เบอร์ที่น้อยจะใสและเบอร์ที่มากจะข้น ในอดีตนั้นผู้ใช้รถจะต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามฤดูกาลที่เปลี่ยนไป เช่น เมื่อถึงฤดูหนาวก็จะต้องใช้น้ำมันเครื่องเบอร์ที่มี W ต่อท้าย ซึ่งเป็นน้ำมันเครื่องสำหรับฤดูหนาวและเมื่อถึงฤดูร้อนก็ต้องถ่ายน้ำมันเครื่องที่ใช้ในฤดูหนาวออกเนื่องจากน้ำมันจะใสเกินไปไม่เหมาะกับการใช้งานในฤดูร้อน และเปลี่ยนมาใช้น้ำมันสำหรับฤดูร้อนแทน ซึ่งเป็นการยุ่งยากในการใช้งาน ที่กล่าวมานี้คือ “น้ำมันเครื่องเกรดเดี่ยว” ดังรูปที่ 2 ต่อมาจึงมีการพัฒนาน้ำมันที่เรียกว่า “น้ำมันเครื่องมัลติเกรด” ดังรูปที่ 3 ขึ้นมาเพื่อให้ใช้ได้ตลอดทั้งปี
![]() |
![]() |
สำหรับในประเทศไทยนั้น เบอร์น้ำมันเครื่องที่เหมาะสมนั้นมีหลายเบอร์ด้วยกันสามารถใช้ได้ทั้งนั้น แต่ที่นิยมใช้กันมาก ได้แก่ เบอร์ SAE 15W/40 และ 20W/50 แต่ถ้าจะใช้เบอร์ต่างไปจากนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรขอให้เบอร์ความหนืดในช่วงฤดูร้อนเป็นเบอร์ 30 ขึ้นไปก็ใช้ได้
Q&A รวมคำถามถามบ่อย
Q : การเลือกซื้อน้ำมันเครื่องจะพิจารณาจากอะไร ?
A : การเลือกซื้อน้ำมันเครื่องให้เหมาะกับรถของท่านจะต้องพิจารณาก่อนว่ารถของท่านเป็นรถประเภทไหนเครื่องยนต์ชนิดใด เช่น รถเก๋ง รถกระบะ รถมอเตอร์ไซด์ฯลฯเพราะรถแต่ละชนิดแต่ละประเภทก็จะมีน้ำมันหล่อลื่นเฉพาะอย่างแตกต่างกันไป
Q : น้ำมันเครื่องสำหรับรถเก๋งและน้ำมันเครื่องสำหรับรถกระบะแตกต่างกันหรือไม่ ?
A : โดยทั่วไปแล้วรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นรถประเภทใดก็ตามจะสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มโดยอาศัยการแบ่งประเภทของเครื่องยนต์ คือ เครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งเครื่องยนต์แต่ละประเภทก็ต้องการน้ำมันเครื่องที่แตกต่างกัน
Q : น้ำมันเครื่องที่สามารถใช้กับเครื่องยนต์ทั้ง 2 ประเภทมีหรือไม่ ?
A : น้ำมันเครื่องทั่วไปสามารถใช้ได้ทั้งกับเครื่องยนต์เบนซินและเครื่องยนต์ดีเซลเพียงแต่ว่าหากต้องการให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่ผลิตขึ้นมาเพื่อเครื่องยนต์ชนิดนั้นๆ
Q : จะรู้ได้อย่างไรว่าน้ำมันเครื่องชนิดใดเหมาะสำหรับเครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซล ?
A : สังเกตได้จากมาตรฐาน API น้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน จะมีมาตรฐานขึ้นต้น S เช่น API SG หรือ SH ส่วนน้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลจะมีตัว C ขึ้นต้นเช่น CD หรือ CE หรือตัวอย่างเช่น น้ำมันเครื่อง API SH/CD หมายถึงน้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์เบนซินมาตรฐาน SH และสามารถใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลได้ด้วยเพราะผ่านมาตรฐาน CD แต่เหมาะสำหรับเครื่องยนต์เบนซินมากกว่า ในทำนองเดียวกัน น้ำมันเครื่องมาตรฐาน API CF4/SG หมายถึงน้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลขั้น CF4 และสามารถใช้กับเครื่องยนต์เบนซินได้ด้วย เช่นเดียวกันแต่ใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลจะเหมาะกว่า
Q : API หมายถึงอะไร ?
A : API ย่อมาจากคำว่า American Petroleum Institute หมายถึงสถาบันปิโตรเลียมแห่งสหรัฐอเมริกาทำหน้าที่กำหนดคุณภาพของน้ำมันเครื่อง
Q : API กำหนดคุณภาพอย่างไร ?
A : API กำหนดคุณภาพของน้ำมันเครื่องโดยแบ่งน้ำมันเครื่องออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน คือ น้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์เบนซินและน้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล
Q : กำหนดอย่างไร ?
A : มาตรฐานของน้ำมันเครื่องยนต์เบนซินจะมีคำว่า S ขึ้นต้นแล้วต่อด้วยตัวอักษร A,B,C,D,...เช่น SA, SB, SC, SD...โดยมีคุณภาพดีขึ้นเป็นลำดับขั้น ในปัจจุบันมาตรฐานสูงสุดคือ API SJ มาตรฐานของน้ำมันเครื่องยนต์ดีเซลจะมีตัวอักษร C ขึ้นต้นและต่อท้ายด้วย A,B,C,D ...เช่นเดียวกับมาตรฐานสูงสุดในปัจจุบันคือ API CG4
Q : สำหรับรถยนต์สมัยใหม่ควรเลือกใช้น้ำมันมาตรฐานใด ?
A : รถยนต์สมัยใหม่มีวิวัฒนาการของเครื่องยนต์เปลี่ยนแปลงไปมาก ดังนั้นสำหรับเครื่องยนต์เบนซินควรเลือกใช้น้ำมันที่มีมาตรฐาน SG หรือ SH ขึ้นไปและเครื่องยนต์ดีเซลควรเลือกใช้น้ำมันที่มีมาตรฐาน CD,CE หรือ CF4
Q : ความหนืดของน้ำมันเครื่องมีผลดีผลเสียอย่างไร ?
A : ความหนืดของน้ำมันเครื่องมีผลต่อการหล่อลื่นและช่วยลดการสึกหรอได้มาก ดังนั้นการเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีความหนืดเหมาะสมซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น
Q : มีวิธีในการเลือกอย่างไร ?
A : น้ำมันเครื่องที่เหมาะสมสำหรับเครื่องยนต์ที่ใช้ในภูมิอากาศของประเทศไทยควรจะเป็นเบอร์ SAE 30, 40 หรือ SAE 10W/40 , 15W/40 หรือ 20W/50
Q : SAE หมายถึงอะไร ?
A : SAE ย่อมาจากคำว่า The Society of Automotive Engineer สมาคมวิศวกรรมยานยนต์ของประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นผู้กำหนดความหนืดของน้ำมันเครื่องโดยแบ่งออกเป็นน้ำมันเครื่องเกรดเดี่ยว Monograde และน้ำมันเครื่องเกรดรวม Multigrade
Q : น้ำมันเครื่องโมโนเกรดและน้ำมันเครื่องมัลติเกรดต่างกันอย่างไร ?
A : น้ำมันเครื่องมัลติเกรดจะสามารถใช้งานที่อุณหภูมิกว้างกว่าน้ำมันเครื่องโมโนเกรด และสามารถปรับค่าความหนืดให้เหมาะสมได้ แม้ว่าอุณหภูมิของบรรยากาศหรืออุณหภูมิการทำงานของเครื่องยนต์จะเปลี่ยนไป ทำให้เครื่องยนต์ได้รับการหล่อลื่นและป้องกันตลอดการทำงาน บางคนเคยกล่าวว่าน้ำมันเครื่องชนิดมัลติเกรดไม่มีความจำเป็นสำหรับการใช้งานในประเทศไทยบ้านเรา ถึงแม้ว่าในประเทศไทยไม่มีฤดูหนาวที่หนาวจัดอย่างใน ยุโรป หรือ อเมริกา แต่อย่างไรก็ตามน้ำมันเครื่องมัลติเกรดก็เหมาะสมกว่าน้ำมันโมโนเกรด สำหรับการใช้งานในประเทศไทย เพราะน้ำมันเครื่องมัลติเกรดจะใสกว่าเมื่ออุณหภูมิต่ำ ทำให้สามารถไหลไปหล่อลื่นได้ดีกว่าและจะข้นกว่าน้ำมันเครื่องโมโนเกรดเมื่อมีอุณหภูมิสูงขึ้นเกิน 100°C ทำให้มีฟิล์มน้ำมันเครื่องไปหล่อลื่นและลดการสึกหรอได้ดีกว่า
Q : น้ำมันเครื่องชนิดสังเคราะห์แตกต่างจากน้ำมันเครื่องธรรมดาอย่างไร ?
A : น้ำมันเครื่องธรรมดาที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาดทั่วไปผลิตขึ้นมาจากน้ำมันปิโตรเลี่ยมซึ่งมีข้อดีคือหาได้ง่ายและราคาถูก นอกจากนี้ก็ยังมีคุณภาพที่ดีพอสมควร ส่วนน้ำมันเครื่องสังเคราะห์เป็นน้ำมันเครื่องที่มนุษย์คิดค้นขึ้นจากขบวนการทางปิโตรเคมี ทำให้มีคุณภาพเหนือกว่าน้ำมันเครื่องทั่วไปในหลายๆด้าน แต่มีข้อเสีย คือ ราคาแพง
เขียน / เรียบเรียงเรื่องโดย: ผศ. ว่าที่ร้อยตรี ชัยยง ศิริพรมงคลชัย
จัดทำโดย: นางสาวดารุณี เวียงแกสินทรัพย์